เคล็ดลับสมองดี

อาหารมื้อเช้า บำรุงสมองได้

กิจกรรมพื้นฐานในตอนเช้าสำหรับคนวัยทำงานอย่างผมเมื่อสามปีที่แล้ว ก็ไม่มีอะไรมาก เพียงแค่กาแฟร้อนๆสักหนึ่งถ้วย ตามด้วยหนังสือพิมพ์อีกหนึ่งเล่ม รอฤกษ์งามยามดีใกล้ถึงเวลารูดบัตรเข้าทำงานแปดโมงเช้าก็พอ ถือว่าเป็นกิจวัตรประจำวันที่ขาดไม่ได้ นานๆทีถึงจะได้ลิ้มรสอาหารมื้อเช้าสักที เรียกได้ว่าอาทิตย์หนึ่งจะกินอาหารเช้าก่อนเข้าทำงานเพียงแค่ 2-3 วันเท่านั้น ส่วนใหญ่จะเน้นหนักเฉพาะอาหารมื้อเที่ยงและมื้อเย็น นัยน์ว่าสะดวกสบายหรืออาจเป็นเพราะทำงานสบายไม่ต้องออกแรงมาก..อะไรประมาณนั้น..? ซึ่งตอนนั้นผมก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมากมายกับอาหารมื้อเช้าคิดว่าเป็นเรื่องธรรมดา แต่ที่ไหนได้ นั่นเป็นความคิดที่ผิดถนัดครับ เพราะข้อมูลสุขภาพที่ผมได้ศึกษามาระบุว่า การไม่กินอาหารเช้าเป็นสาเหตุพื้นฐานที่ทำให้เกิดการเจ็บป่วยที่เรามองข้ามไป หลายคนหลงคิดไปว่าเป็นเรื่องธรรมดาที่เคยปฏิบัติอยู่เป็นประจำ แต่อันที่จริงแล้วอาหารมื้อเช้าเป็นอาหารมื้อที่สำคัญที่สุด ที่จะเสริมสร้างสุขภาพร่างกายของเรา เพราะร่างกายต้องการสารอาหารในช่วงเวลา 07.00-09.00 น. และที่สำคัญก็คือ ช่วงเวลานี้เองที่สมองและใบหน้าของคนเราต้องการเลือดและออกซิเจนไปบำรุงเพื่อส่งไปเลี้ยงสมอง หากเราไม่กินอาหารเช้าก็จะไม่มีเลือดมารับออกซิเจน ส่งขึ้นไปเลี้ยงสมอง เพราะสมองของคนเราต้องการกรดอะมิโนไปบำรุงเซลล์สมอง รวมถึงวิตามินบี 1,และบี 12 เพราะฉะนั้นแล้วขอแนะนำอย่างจริงใจ “อย่าพลาดอาหารมื้อเช้าเด็ดขาดนะครับ” หรือหากคุณไม่มีเวลาจริงๆ ก็ควรกิน โยเกิร์ตผสมนมสด + น้ำผึ้งและมะนาว ปิดท้ายด้วยกล้วยสุกสัก 1 ลูก แทนก็ได้ เพื่อสุขภาพร่างกาย และ "สุขภาพสมอง"  ที่ดีของเรานั่นเองครับ


เคล็ดลับเรียนเก่ง สมองดี

2 วิธีบริหารร่างกายป้องกันภาวะสมองเสื่อม

“สมอง” ของคนเราถือว่าเป็นส่วนที่สำคัญของร่างกาย เป็นศูนย์กลางการสั่งงาน การประมวลผล คล้ายซีพียูของคอมพิวเตอร์ เพราะฉะนั้นแล้วเราควรมีการบริหารสมอง เพื่อให้เลือดไปเลี้ยงสมองได้ดีเป็นประจำ เพื่อป้องกันภาวะสมองเสื่อมอันจะตามมาในภายภาคหน้า และในบทความนี้ผมก็มีสองเทคนิคดีๆ ในการบริหารร่างกายให้เลือดไปหล่อเลี้ยงสมองได้ดี ซึ่งเป็นวิธีที่ได้รับการยอมรับจากทั้งวงการแพทย์แผนไทยและแผนโบราณ รวมไปถึงเอกสารทางการแพทย์แผนจีนโบราณยังระบุว่า สามารถป้องกันโรคภาวะสมองเสื่อมในวัยชราได้ มาฝึกทำไปพร้อมๆกันเลยครับ

1. การบริหารนิ้วมือให้เลือดไปเลี้ยงสมองได้ดี

ซึ่งเป็นวิธีกดนิ้วมือของเราเอง เพื่อให้เลือดเลี้ยงสมองได้ดี สามารถป้องกันสมองเสื่อมได้ มีวิธีดังนี้
- ใช้นิ้วโป้ง กดที่ นิ้วชี้  2 ครั้ง
- ใช้นิ้วโป้ง กดที่ นิ้วกลาง  1 ครั้ง
- ใช้นิ้วโป้ง กดที่ นิ้วนาง  3 ครั้ง
- ใช้นิ้วโป้ง กดที่ นิ้วก้อย  4 ครั้ง
จากนั้นให้ทำกลับอีกครั้ง โดยกดมาที่นิ้วนาง 3 ครั้ง กดที่นิ้วกลาง  1 ครั้ง และกดที่นิ้วชี้  2 ครั้ง เป็นการจบการบริหารนิ้วมือชุดแรก ต่อด้วยการบริหารนิ้วมือชุดที่ 2 คือให้กดนิ้วกลาง  1 ครั้ง ต่อไปเลย พยายามทำอย่างนี้ให้ได้ 50 ชุดต่อวัน จะเกิดความสัมพันธ์ของสมองกับปลายนิ้วมือที่เราบริหาร ซึ่งจะเป็นการกระตุ้นการหลั่งสาร เอนโดรฟีนในร่างกายป้องกันภาวะสมองเสื่อมได้

2. การฝึกลมหายใจให้เลือดไปเลี้ยงสมองได้ดี

การฝึกลมหายใจหรือการทำสมาธิ ถือว่ามีประโยชน์ต่อ “สุขภาพสมอง” มากที่สุด คือให้เราฝึกการหายใจเข้าอย่างช้าๆและหายใจลึกๆ ให้พุงป่องออก แล้วหายใจออกให้พุงยุบลง ในตอนเช้าตรู่ ในสถานที่เงียบๆ จะเป็นการกระตุ้นเซลล์สมองที่คุมโปรแกรมความจำที่ดีๆในอดีตหรือปัจจุบันได้ดี และเป็นการเพิ่มออกซิเจนให้ปอดกับสมองของเราได้ แต่ในทางตรงข้าม หากเราหายใจถี่ๆ ตื้นๆ เร็วๆ จะเป็นการกระตุ้นเซลล์สมองกลุ่มที่บันทึกเรื่องราวไม่ดีเอาไว้ให้ออกมาใช้งาน เพราะฉะนั้นแล้วเราจึงควรฝึกหายใจเข้า-ออกอย่างช้าๆ เพื่อกระตุ้นเซลล์สมองกลุ่มที่บันทึกเรื่องดีๆเอาไว้ให้นำออกมาใช้งาน ซึ่งก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่สามารถป้องกันภาวะสมองเสื่อมได้อย่างมีประสิทธิภาพครับ


เคล็ดลับเรียนเก่งสมองดี

6 วิธีป้องกันโรคสมองเสื่อม

มีข่าวล่ามาใหม่จะเล่าให้ฟัง เนื่องจากงานวิจัยในประเทศไทย พบว่า ในวันข้างหน้าอีกประมาณ 4 ถึง 5 ปี จะมีผู้ป่วยสูงอายุเป็นโรคสมองเสื่อมมากถึง 9 ล้านคน ซึ่งนั่นก็หมายถึงภาระที่คนในครอบครัวต้องแบกรับอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะต้องคอยดูแลผู้สูงอายุในครอบครัวเดียวกันหรือที่เป็นเครือญาติกัน ที่เป็นโรคสมองเสื่อม สาเหตุเกิดจากอะไร? และมีวิธีแก้ไขอย่างไร? มาดูกันครับ

สาเหตุของโรค "สมองเสื่อม"
ส่วนสาเหตุของโรคสมองเสื่อมนั้น จากเอกสารทางการแพทย์ระบุว่า ส่วนหนึ่งอาจเกิดจากภาวะที่เลือดไม่ไปเลี้ยงสมอง หรือเลือดไปเลี้ยงสมองไม่เพียงพอ เพระการกินอาหารผัดน้ำมันเป็นประจำติดต่อกันหลายปี ทำให้น้ำมันไปเกาะผนังลำไส้ จึงทำให้ระบบดูดซึมสารอาหารไม่สามารถดูดซึมสารอาหารที่เป็นประโยชน์ไปเลี้ยงสมองได้

ลูก "ไข่เน่า" ผลไม้บำรุงสมอง
6 วิธีในการดูแลสมอง
1. ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
2. ขับถ่ายระหว่างเวลา 05.00-07.00 น.
3. กินอาหารเช้าระหว่าง 07.00-09.00 น. เพื่อให้เลือดรับสารอาหารไปเลี้ยงสมองได้อย่างมีประสิทธิภาพ และกินโยเกิร์ต+นมสด+น้ำผึ้ง+มะนาว ระหว่างเวลา13.00-15.00 น. เพื่อเปลี่ยนขยะในลำไส้เล็กให้เป็นวิตามิน บี12 แล้วส่งไปบำรุงสมอง
4. ล้างระบบดูดซึมในร่างกายด้วยสูตรมะละกอดิบต้มน้ำชงชา
5. ใช้กระเจี๊ยบแดงแห้งหรือสดต้มกับพุทราจีน แล้วดื่มน้ำเพื่อล้างหลอดเลือดเป็นประจำ

6. กินกระชายแล้วกินน้ำใบบัวบกตาม จะมีส่วนช่วยบำรุงสมองได้โดยตรง และควรกินผลไม้ที่มีชื่อว่า “ลูกไข่เน่า” ขึ้นฉ่าย เม็ดบัว และลูกแปะก๊วยเป็นประจำ เพราะเป็นผักผลไม้ที่มีวิตามินช่วยบำรุงสมองได้ดีมาก 
ขอบคุณภาพจาก www.mcot.net